หลักประกันและเลเวอเรจ

ประโยชน์จากตัวเลือกเลเวอเรจที่ยืดหยุ่น

ลองใช้บัญชีทดลองฟรี เปิดบัญชี

มาร์จิ้น (Margin) และ เลเวอเรจ (Leverage) : อะไรคือความแตกต่าง?

การใช้มาร์จิ้น (Margin) และเลเวอเรจ (Leverage) เป็นวิธีการทั่วไปสำหรับนักเทรดที่ดำเนินการจัดสรรเงินทุนจำนวนเล็กน้อย เพื่อนำไปแสดงความสามารถในการเทรดโดยให้ได้มาซึ่งมูลค่าในการเทรดที่เพิ่มมากขึ้นของพวกเขา ทั้งนี้เพื่อเพิ่มโอกาสความเป็นไปได้ และผลกำไรที่มากขึ้น. อย่างไรก็ตามนี่อาจจะเป็นโอกาสที่ต้องเผชิญลำดับความเสี่ยงที่สูงขึ้นด้วยเช่นกัน รวมถึงการสูญเสียนั้นอาจเกินกว่าเงินลงทุนเริ่มแรก และด้วยโอกาสความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นนี้จึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องทำความเข้าใจว่า อะไรคือมาร์จิ้น(Margin) และเลเวอเลจ(Leverage)? มาร์จิ้น(Margin) และเลเวอเลจ(Leverage) ทำงานอย่างไร? และมีภาระผูกพันกับนักเทรด อย่างไร?

.

Margin

มาร์จิ้น(Margin) คือจำนวนเงินของคุณที่ต้องมีในบัญชีการซื้อขาย เพื่อที่จะใช้เปิดสถานะในการเทรด และเพื่อที่จะรักษาการเปิดสถานะในการเทรดเอาไว้ คุณควรรักษาเงินมาร์จิ้น(Margin) คงเหลือให้เพียงพอในบัญชีการเทรดของคุณ.

Leverage

เลเวอเรจ(Leverage) เป็นอัตราส่วนที่แสดงถึงปริมาณเงินที่คุณมีและสามารถใช้เพื่อการเทรด. การใช้เลเวอเรจ(Leverage) นั่นหมายความคุณสามารถควบคุมการเทรดซื้อขายที่มีมูลค่าสูงเกินกว่าจำนวนเงินมาร์จิ้น(Margin) ที่คุณมีอยู่.

ตัวอย่างที่ 1 : การคำนวณมาร์จิ้น (Margin)

คุณมีเงินในบัญชีเทรด AU$10,000 ด้วยมาร์จิ้น(Margin) 1%, คุณสามารถเปิดสถานะโดยมีมูลค่ารวมที่ AU$1,000,000 ($10,000 ÷0.01 =$1,000,000)

สมมุติว่าคุณต้องการใช้เงินซื้อ AU$500,000, ซื้อเท่ากับ 5 สัญญามาตรฐาน(lots) โดยเทียบกับ USD ในอัตราแลกเปลี่ยนที่ 0.800, จำนวนเงินมาร์จิ้น(Margin) ที่ต้องมีในบัญชีคือ AU$5,000 :

จำนวนเงินมาร์จิ้นเริ่มแรก(Initial Margin)  : 5 lots x [มาร์จิ้น ขนาดสัญญา x 0.01] = AU$5,000

*สมมติว่าเงิน $AU อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับ $USD เท่ากับ 0.7950 การเปลี่ยนแปลงเงินมาร์จิ้น(Margin) หลักประกันของคุณคือ

หลักประกันผันแปร (การขาดทุนที่ยังไม่เกิดขึ้นจริง) เท่ากับ USD$2,500 (AUS$3,145). คุณสามารถคำนวณเงินมาร์จิ้น(Margin)โดยรวมที่ต้องมี โดยการนำไปบวกกับเงินมาร์จิ้นเริ่มแรกดังนี้ :

เงินมาร์จิ้นโดยรวมที่ต้องมี (Total Margin) = มาร์จิ้นเริ่มแรก(Initial Margin) + หลักประกันผันแปร = AU$5,000 + AU$3,145 = AU$8,145

ในการแปลงให้เป็นอัตราส่วนมาร์จิ้น (Margin ratio) ทำได้โดยนำไปหารด้วยจำนวนความต้องการมาร์จิ้นของบัญชีดังนี้ :

อัตราส่วนมาร์จิ้น (Margin ratio) = AU$5,000 ÷ AU$8,145 = 137%

ตรวจสอบมาร์จิ้น(Margin) ด้วย MT4

แพลตฟอร์ม MetaTrader 4 จะให้คุณสามารถตรวจสอบ และควบคุมสถานะความเสี่ยงได้แบบเรียลไทม์ ขึ้นอยู่กับข้อกำหนดบัญชีมาร์จิ้น(Margin) ของแต่ละบัญชี แพลตฟอร์มMT4 จะคำนวณจำนวนเงินมาร์จิ้น(Margin) ที่ต้องรักษาสถานะที่เปิดอยู่ในปัจจุบัน และช่องทางเทรดที่เปิดอยู่เพื่อดำเนินการเปิดสถานะใหม่หรือการเพิ่มทุนกับสถานะที่เปิดอยู่แล้ว

ตัวอย่างที่ 2 : มาร์จิ้นคอล (Margin Call ) และ การชำระบัญชี (Liquidation)

สมมติว่าผลขาดทุนจากสสถานะที่เปิดอยู่ถึงระดับหนึ่ง, Axi อาจดำเนินการปิดสถานะ(liquidate) เพื่อที่จะป้องกันผลขาดทุนที่มากขึ้น จุดของการชำระบัญชีนี้จะถูกตั้งเอาไว้เมื่ออัตราส่วนมาร์จิ้น(Margin Ratio) ลดลงต่ำกว่าจุดที่กำหนด (โดยปกติที่ 20% หรือต่างเพียงเล็กน้อย)

ต่องเนื่องจากตัวอย่างด้านบน, สมมติว่าการเปิดสถานะยังคงอยู่ และสกุลเงิน AUD อ่อนค่าลงเท่ากับ 0.7920 อัตราส่วนของมาร์จิ้น(Margin Ratio) คือ: ยอดเงินคงเหลือในบัญชี ÷ จำนวนเงินมาร์จิ้น(Margin)ตามข้อกำหนด

อัตราส่วนมาร์จิ้น(Margin ratio) คำนวณได้ดังนี้ : (AU$10,000 – AU$5,051) ÷ AU$5,000 = 99% 

เนื่องจากอัตราส่วนมาร์จิ้น(Margin ratio)มีน้อยกว่า100% บัญชีจะอยู่ในสถานะเรียกหลักประกันเพิ่ม(Margin call) และสถานะบัญชีอาจถูกปิดได้.

***ถ้าสกุลเงิน AUD คงอ่อนค่าลงอีกต่อเนื่องเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ จนถึงอัตราแลกเปลี่ยนที่ 0.7858, ผลขาดทุนทางบัญชีจะเพิ่มขึ้นเท่ากับ USD$7,100 (AU$9,035) นั่นหมายความว่ายอดคงเหลือของบัญชีจะมีแค่ AU$965

อัตราส่วนมาร์จิ้น : AU$965 ÷ AU$5,000 = 19% *สถานะถูกดำเนินการปิดเพื่อชำระบัญชี(Liquidation)ทันที

สถานะจะถูกสั่งดำเนินการปิดโดย Axi

Choosing your leverage level

With leverage up to 400:1 available in some regions, Axi clients are able to choose the level of leverage that’s appropriate for them. Leverage can be changed through the MT4 platform before placing a trade, or through your personal settings in the Axi Client Portal.

สำคัญ

การบังคับปิดไม่เป็นการรับประกันว่าจะป้องกันยอดคงเหลือติดลบได้
ลูกค้าพึงระวังว่าการขาดทุนไม่จำกัดเพียงยอดคงเหลือในบัญชีเท่านั้นและลูกค้าไม่ควรพึ่งพาให้ Axi ช่วยปิดสถานะเพื่อป้องกันการขาดทุน ตลาดอาจมีช่องโหว่ ระบบอาจเกิดข้อผิดพลาดหรืออาจมีสถานการณ์อื่นๆ ขัดขวางการบังคับปิด